การตรวจดีเอ็นเอเพื่อพิสูจน์ความเป็น ปู่ ย่า ตา ยาย เป็นการทดสอบเพื่อพิสูจน์ว่า ปู่ ย่า ตา ยายและหลาน จะมีความสัมพันธ์กันทางสายเลือดหรือไม่ ซึ่งการทดสอบนี้จะแสดงค่าความน่าจะเป็นทางสถิติเพื่อบอกความสัมพันธ์ทางพันธุกรรมระหว่าง ปู่ ย่า ตา ยายกับหลาน

และนอกจากนี้ยังเป็นการทดสอบความสัมพันธ์ทางอ้อมเพื่อพิสูจน์ความเป็นเครือญาติ ในกรณีที่ไม่สามารถตรวจโดยใช้ตัวอย่างจากบิดาหรือมารดาได้ เพราะโดยปกติแล้ว ลูกจะได้รับแบบแผนสารพันธุกรรมมาจากพ่อครึ่งหนึ่งและแม่อีกครึ่งหนึ่ง ซึ่งครึ่งหนึ่งของพันธุกรรมที่ได้รับสืบทอดมานี้ จะสามารถนำไปเปรียบเทียบกับดีเอ็นเอของปู่ ย่า ตา ยายได้

สำหรับการตรวจดีเอ็นเอเพื่อพิสูจน์ความเป็นปู่ ย่า ตา ยาย ทางเรามีข้อเสนอแนะว่าควรมีตัวอย่างจากบิดาหรือมารดามาใช้ร่วมด้วย และควรใช้ตัวอย่างของมารดามากกว่าเพื่อความแม่นยำ หรือหากไม่มีบิดา มารดา อาจใช้การตรวจอีกประเภทหนึ่งเพื่อเพิ่มความชัดเจนของผลตรวจ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่โดยตรง

  1. การวิเคราะห์ดีเอ็นเอของปู่ ย่า ตา ยายเพียงคนเดียว : การทดสอบนี้ต้องมี ตัวอย่างดีเอ็นเอของปู่ ย่า ตา ยายคนใดคนหนึ่งเพื่อที่จะนำมาทดสอบ แต่อย่างไรก็ตามการวิเคราะห์ประเภทนี้ จะแสดงความสัมพันธ์ที่แม่นยำระหว่างปู่ ย่า ตา ยายกับหลาน เพียง 25 % เท่านั้น  ดังนั้นจึงควรมีตัวอย่างดีเอ็นเอของมารดามาร่วมทดสอบด้วย เพื่อให้เปอร์เซ็นต์ความแม่นยำสูงมากขึ้น
  2. การวิเคราะห์ดีเอ็นเอของ ปู่ ย่า  ตา ยาย : การทดสอบนี้ ควรมีตัวอย่างดีเอ็นเอทั้งของปู่และย่า หรือ ตาและยายในกรณีที่สามารถนำมาตรวจร่วมได้  เพื่อนำมาใช้ในการทดสอบ และถ้าหากมีตัวอย่างดีเอ็นเอของมารดามาร่วมทดสอบด้วย ความแม่นยำก็จะสูงขึ้น

การวิเคราะห์ดีเอ็นเอทั้ง 2 แบบที่กล่าวมาข้างต้นโดยนำแบบแผนสารพันธุกรรมของปู่ ย่า ตา ยายมาเปรียบเทียบกับหลาน เพื่อแสดงให้เห็นความสัมพันธ์ทางสายเลือด   และจากการนำดีเอ็นเอของมารดามาร่วมวิเคราะห์ด้วย ถ้าเราแยกดีเอ็นเอครึ่งหนึ่งที่ได้รับมาจากมารดาออกไป จะทำให้เราทราบชุดดีเอ็นเอที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งที่ได้รับมาจากมาจากบิดา ซึ่งข้อมูลส่วนนี้จะสามารถนำไปวิเคราะห์หาความสัมพันธ์ได้